หลังจากการเปลี่ยนชื่อของ “Twitter” ไปเป็น “X” มีการสำรวจโดยบริษัทวิจัยในโตเกียวพบว่าชาวญี่ปุ่นไม่ถึง 10% ที่เรียก Twitter ว่า “X” และส่วนมากยังคงเรียกด้วยชื่อ Twitter อยู่
หลังจากการเปลี่ยนชื่อของ “Twitter” ไปเป็น “X” มีการสำรวจโดยบริษัทวิจัยในโตเกียวพบว่าชาวญี่ปุ่นไม่ถึง 10% ที่เรียก Twitter ว่า “X” และส่วนมากยังคงเรียกด้วยชื่อ Twitter อยู่
อย่างที่หลายๆ คนทราบ ตอนนี้ Twitter โซเชียลที่เคยมีรูปนกสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “X” และเปลี่ยนไอคอนเรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าหลายๆ คนคงยังไม่ชินกับชื่อใหม่ และยังเรียกว่า Twitter อยู่เหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ Twitter เป็นโซเชียลหลัก
จากการสำรวจโดย MMD Lab ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเอกชนในโตเกียว พบว่าผู้คนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่เล่น Twitter ยังคงเรียก Twitter ด้วยชื่อเดิม และมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เรียก Twitter ว่า X
การสำรวจนี้ดำเนินการทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 3 ตุลาคม 2023 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชายและหญิงจำนวน 5,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 69 ปี ในจำนวนนี้ มีคนถึง 67.7% ที่เรียก Twitter ด้วยชื่อเดิม และมีเพียงแค่ 9.1% เท่านั้นที่เรียก Twitter ว่า X เห็นได้ชัดว่าคนจำนวนมากยังคงไม่ชินกับชื่อใหม่
นอกจากนี้ มีการสำรวจเพิ่มเติมและพบว่า ผู้คน 18.6% กำลังพิจารณาที่จะหยุดใช้ Twitter (X) ในอนาคตอันใกล้นี้ ตัวเลขผู้ที่วางแผนจะเลิกใช้โซเชียลนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกถามว่าจะใช้โซเชียลไหนแทน X ชาวญี่ปุ่น 40.8% ตอบว่าจะหันไปใช้ Instagram และอีก 25.6% ตอบว่าจะไปใช้ YouTube
Ito Nami นักวิจัยจากบริษัท MMD Lab ได้กล่าวว่า “เราพบว่ายังมีคนจำนวนมากเรียก X ว่า Twitter อีกเหตุผลหลักๆ เลยคือเพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจชื่อ X ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่”
Twitter ได้เปลี่ยนชื่อเป็น X ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไอคอนนกสีฟ้าที่ทุกคนคุ้นเคยก็กลายเป็นรูปตัว X สีขาวบนพื้นหลังสีดำ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผู้ใช้ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกได้ออกมาตอบโต้ว่าไม่ชินกับการเปลี่ยนครั้งนี้ และรู้สึกเหมือนสูญเสียชื่อ Twitter ที่ตนเองคุ้นเคยไป
เรื่องแนะนำ :
– สำรวจพบเด็กญี่ปุ่นกว่าครึ่งแทบไม่อ่านหนังสือเลยใน 1 วัน
– ญี่ปุ่นเตรียมเปิดธีมพาร์ครูปแบบโรงละครสยองขวัญ
– ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัว “แท็กซี่ไร้คนขับ” ภายในปี 2026
– ญี่ปุ่นทำสำรวจจังหวัดไหนขี้ลืมเรื่องอะไรมากที่สุด
– ญี่ปุ่นค้นพบแร่ชนิดใหม่ “หินฮอกไกโด”
ที่มาและรูปภาพ :
https://news.livedoor.com/article/detail/25220336/
https://sirabee.com/2023/07/29/20163125391/