สุโก้ย มาร์เก็ตติ้ง: ก็อตซิลล่า “minus one = ไม่นัดวัน” ไปจนถึงบอลโลกหญิง
“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอแต่แปลกมาก… หากทำให้สัตว์ใดๆ มาทำให้น้ำหนักเท่ากับเราและมาสู้ด้วย เราชนะสัตว์ตัวไหนในโลกไม่ได้เลย แต่เมื่อมนุษย์รวมตัวกันสู้เพื่อพวกพ้อง… เราจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกแบบ อย่าว่าแต่ก็อตซิลล่าเลย มนุษย์ชนะได้ทั้งจักรวาลด้วยซ้ำ”
นี่คือ ปป ข้อที่ผู้เขียน อดไม่ได้ที่จะขอเขียนถึงหนังก็อตซิลล่าที่ หลายสำนักยกมือบอกว่า นี่คือหนังไคจูที่ดีที่สุดตั้งแต่มนุษย์เคยมีมา
1. ลองจินตนาการดูนะครับ ในห้องประชุมของ Netfilx ทีมงาน ที่พวกเขาได้หนังเรื่อง Godzilla minus one อยู่ในมือแล้วทุกคนคนคิดกันอย่างเมามันส์ว่า จะโฆษณาหนังก็อตซิลล่าที่เป็นหนังดีกรีได้รางวัลออสการ์ ยังไงดี
และดันมีคนบอกว่า เราจะโฆษณาโดย… “ไม่ต้องโฆษณาอะไรเลย!!”
2. นี่คือ สุโก้ยมาร์เก็ตติ้งที่ ทั้งผู้บริโภค กูรูหนัง ตกใจและอ้าปากค้าง ว่ามึงคิดได้ยังไง เมื่อ Netflix คิดนอกกรอบไปเลยว่า ไม่ต้องบอกใครใดๆ ว่าหนังจะเข้าวันไหน ให้คนดูเนี่ยแหล่ะ ไปเจอและพูดกันต่อๆ ไปเอง
3. เลยเป็นที่มาว่า คนไทยต่างเรียก “Godzilla minus one” ภาคนี้ในไทยเป็น “ก็อตซิลล่า ไม่นัดวัน”
4. เที่ยงคืนตรงเข้าสู่วันเสาร์ เหล่า influencer หรือคนบ้าหนัง ต่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็เห็นหนังก็อตซิลล่าที่คนไทยอยากดูตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ด้วยลิขสิทธิ์ทำให้เข้าโรงฉายไม่ได้ ต้องดูสตรีมมิ่งเท่านั้น… พอมันมาแบบไม่นัดวันแบบนี้ เลยกลายเป็น สุโก้ยมาร์เก็ตติ้งทันที
5. และตัวหนังก็ปล่อยพลัง สมราคาออสการ์ ฉากปล่อยลำแสง มันช่างทรงพลัง มั่นใจมากว่านี่คือ ฉากที่ทาง ผู้กำกับจงใจสร้างให้ความรู้สึก นึกถึงระเบิดปรมาณู
6. ที่คนในออสการ์ต้องชาบูให้ คือ หนังเรื่องนี้ได้รางวัล ออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษ
7. ก็อตซิลล่าไม่นัดวันเป็นหนังของศตวรรษนี้แท้ๆ แต่จงใจ ใช้โทนและแผ่นฟิล์มแบบย้อนยุคเหมือนยังกับดูโอชิน ยิ่งทำให้ ดึงผู้ชมกลับไปสู่ จักรวาลหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่แท้ทรู
8. ก็อตซิลล่าไม่นัดวันfdsdfsafdsdfs
บ่ายวันเสาร์ ผมอิ่ม
หลังจากทีมโปรดของผู้เขียน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้แชมป์ FA cup อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ผมมีเรื่องนึง ที่นึกถึงขึ้นมา เกี่ยวกับการไปพัฒนาทีมหรือหน่วยงานที่กำลังปักหัวลงอยู่ โดยใช้สิ่งที่เห็นและเจอจากญี่ปุ่นโดยตรง
**บอกก่อนเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด เรื่องสั้นที่เขียนอันนี้ ไม่ได้รับการสปอนเซอร์ใดๆ จากบริษัทใด มาจากเพียงผู้เขียนอยากแชร์ความคิดกระบวนการทำงานของญี่ปุ่น แต่ชื่อและสถานที่ และตัวละคร เป็นของจริง **
สิบปีที่แล้ว หน้าร้อนบ่ายวันอังคาร หลังผมและรุ่นพี่กินข้าวกลางวันเสร็จ พวกเรากำลังเดินกลับออฟฟิศ เราพูดถึงหัวหน้าของเรา เราพูดถึงหัวหน้าทีมของทีมรอบๆ ตัวเรา
“ผู้นำ (LEADER) ที่ดีน่ะ… วิน… รู้ไหมว่าต้องทำอะไร”
“คำถามนี้ ตอบได้หลากหลายมากนะครับ อันไหนถูกผิด ยังชี้ยากด้วยซ้ำ แต่ที่ผมเคยอ่านหนังสือมา ผู้นำที่ดีต้องทำไงก็ได้ ให้มีผู้ตามเพราะถ้าไม่มีคนตาม ก็จะเรียกว่า LEADER ไม่ได้ไงครับ และไม่ใช่เป็นคนต้องทำอะไรเยอะๆ แต่ต้องเป็นคนรับผิดชอบมากที่สุดกับสิ่งที่ตัวเองทำ”
รุ่นพี่ยิ้ม “งั้นฟังของกูบ้างนะ” (เขาพูดว่า 俺の論 ซึ่งคำว่า โอเระ-俺 คนญี่ปุ่นจะใช้เรียกตัวเองพูดกับเพื่อนฝูง)
“ผู้นำ… ต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจน และต้องตัดสินใจได้ด้วยว่าเพื่อไปถึงเป้าหมายต้อง prioritize เรื่องที่จะทำ หรือไม่ทำให้ถูก… ส่วนข้อสุดท้าย กูว่าสำคัญสุด”
ผมปัดไม้ปัดมือ บอกว่าไม่ต้องมาให้ผมเดา ช่วยบอกมาเลยเหอะ
ผู้นำ ต้องสร้างมาตรฐาน
ทีมหรือองค์กรที่สร้างระบบ สร้างผลงานขึ้นมาแต่ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้เมื่อผู้นำจากไป นั่นก็ไมมีความหมาย
เกือบสองปีที่แล้วตัวผมเองได้มีโอกาส มาดูแลร้านขนส่ง DHL ที่แม่ยายของผมเพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ผู้เขียนไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนี้ แต่เมื่อได้รับ assignment สไตล์คนทำงานญี่ปุ่นก็ต้องทำก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน
ผมเข้าไปรับงานในช่วงที่ยอดขายของร้านอยู่ในช่วงขาลง รายได้อยู่ประมาณสองหมื่นกว่าบาท เรียกว่าจ่ายค่าน้ำไฟ ค่าคนเคานท์เตอร์ ก็ขาดทุนพอดี
แม่ยายส่งคนจบไอที ที่ไม่เคยทำงานขาย หรือมีความรู้เรื่องการขนส่ง logistic มาให้ผมช่วยทำให้หน่วยงานนี้มีกำไรเนี่ยนะ
แต่จากประสบการณ์ ทั้งหนังสือและที่ฟังคนพูดการดำเนินธุรกิจสไตล์ญี่ปุ่นเยอะอยู่ มีสองเรื่องที่ผมคิดว่า มันคือหัวใจและหลักการจิตวิญญาณที่เหมาะกับร้านขนส่งแห่งนี้
ปลายปี 2023 หลังจากผมมาช่วยร้านแห่งนี้เดือนแรก จากยอด 28, 540 บาท… ตอนนี้มีคนมาส่งของที่ร้านของเรา 16,000 ชิ้นได้ยอดอยู่ที่ 139,000 บาท… สูงที่สุดเท่าที่ DHL รู้จักมา
ในเวลานั้น ผมดีใจ จากประสบการณ์ที่ไม่มีมา แต่มันทำให้เราสัมผัสได้ว่า “ความคิดสไตล์ญี่ปุ่นเช่นนี้ ไม่หักหลังเรา”
พอผู้อ่าน อ่านถึงตรงนี้มันดูน่าจะ happy ending ใช่ไหมครับ มันคงเหมือนทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่จู่ก็กลับมาเล่นดี มีผลงาน…
แต่ไม่เช่นนั้นปลายปี ที่ผ่านมา… เพียงวันเดียว ผมได้รับคำสั่ง
“ต่อไปนี้ ไม่ต้องมาช่วยร้าน DHL แล้วนะ”
(เป็นเพราะเช่นไร และเกิดอะไร เจอกันใน second half อาทิตย์หน้าครับ)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– [Based on True story] จากแมนยูฯ สู่แนวคิดเกตุวดี & โตโยต้าไปถึง DHL (First half)
– [เรื่องสั้นสามมิติ] SHO TIME
– [เรื่องสั้นสามมิติ] เทพเจ้ายังเรียกพ่อ
– [เรื่องสั้นหักมุม] กำเนิดตำนานใหม่ “Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร” เพลงดาบพิชิต One Piece
– [ทดความคิด] อาเบะ… ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่ง
ที่มาและรูปภาพ :
https://www.forbes.com/sites/monicamercuri/2024/06/01/
#สุโก้ย มาร์เก็ตติ้ง: ก็อตซิลล่า “minus one = ไม่นัดวัน” ไปจนถึงบอลโลกหญิง