ก่อนจะเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ เดือนญี่ปุ่นเคยมีชื่อเรียกมาก่อนนะ!
แม้ในทุกวันนี้ชาวญี่ปุ่นจะเรียกชื่อเดือนแบบง่ายๆ ด้วยเลขลำดับในแต่ละเดือน เช่น เดือนหนึ่ง เดือนสอง ฯลฯ มาตั้งแต่ช่วงราวๆ ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ประเทศญี่ปุ่นก็มีการเรียกชื่อเฉพาะของเดือนแต่ละเดือนคล้ายกับบ้านเราเช่นกัน แต่ละเดือนก็จะมีความหมายของชื่อที่เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องราวของเดือนนั้นๆ แถมยังมีดอกไม้ประจำเป็นสัญลักษณ์ให้นึกถึงกันอีกด้วยนะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วละ ไปจ้า ไปดูพร้อมกันได้เลย!
1. เดือนมกราคม – Mutsuki (睦月)
เดือนแรกของปีอย่างเดือนมกราคมนั้น มีต้นสนที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งหนักแน่นเป็นต้นไม้ประจำเดือน โดยตัวอักษร 睦 นั้น มีความหมายซึ่งสื่อถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งลงตัวกับการเป็นชื่อเดือนแรกของปีซึ่งมีวันขึ้นปีใหม่ อันเป็นวันที่บรรดาญาติสนิทมิตรสหายมักจะมารวมตัวกันเฉลิมฉลองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวนั่นเอง
2. เดือนกุมภาพันธ์ – Kisaragi (如月)
เดือนนี้มีดอกบ๊วยสวยหวานเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ตัวอักษรที่ใช้เขียนชื่อเดือนนี้นั้นมาจากคำพ้องเสียงระหว่างตัว 如 และ 衣更 ซึ่งออกเสียงเหมือนกัน โดยตัวอักษร 衣 นั้นมีความหมายถึงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และตัว 更 นั้นมีความหมายสื่อถึงความต้องการหรือการเพิ่มเติม ความหมายน่ารักๆ ที่แฝงอยู่ในตัวอักษรชื่อเดือนนี้ จึงสื่อถึงอากาศที่ยังหนาวเย็นจนผู้คนยังจำเป็นต้นใส่เสื้อผ้าเพิ่มหลายๆ ชั้น เพื่อต้องการให้ร่างกายอบอุ่นแข็งแรง
3. เดือนมีนาคม – Yayoi (弥生)
ชื่อยาโยอิที่เห็นอยู่นี้ ไม่ได้มีความหมายถึงร้านอาหารแต่อย่างใด แต่ตัวอักษร 弥 ในชื่อเดือนนี้นั้นแปลแบบเข้าใจง่ายๆ ได้ความหมายคล้ายกับคำว่า ‘ในที่สุด’ นั่นละ เดือนยาโยอินี้มีสัญลักษณ์เป็นดอกซากุระสีสันสดใส และคำว่าในที่สุดซึ่งอยู่ในชื่อนั้นน่าจะหมายความถึงในที่สุดก็สิ้นสุดฤดูหนาวซะที แล้วฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นฤดูเพาะปลูกรวมถึงอากาศอันแสนสดใสก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่ แทนความอึมครึมของฤดูหนาวที่กำลังจะจากไปนั่นเอง
4. เดือนเมษายน – Uzuki (卯月)
ดอกไม้ประจำเดือนเมษายนนั้นคือดอกวิสทีเรียอันสวยงามสดชื่นตา กล่าวกันว่าตัวอักษร 卯 ที่อยู่ในชื่อเดือนนี้นั้นมาจาก卯の花 (U-no-Hana) ไม้พุ่มที่มีดอกสีขาวสะอาดซึ่งจะผลิบานในช่วงราวๆ เดือนเมษายนพอดิบพอดี แถมตัวอักษรตัวเดียวกันนี้ยังมีเสียงพ้องกับตัว 植 ที่มีความหมายถึงการเตรียมตัวเพื่อเดินหน้าเพาะปลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสมแบบนี้อีกด้วย!
5. เดือนพฤษภาคม – Satsuki (皐月)
เดือนที่ห้าของปีนั้นมีดอกไอริสเป็นสัญลักษณ์ บางตำราบอกว่าความหมายของชื่อ さつき (Satsuki) ของเดือนนี้นั้นอาจจะเป็นตัวย่อที่มาจากคำว่า さなえづき (Sanaezuki) อันหมายถึงเดือนแห่งการปลูกข้าว อีกทั้งตัว 皐 ยังถูกนำมาใช้แทน 早苗 ซึ่งหมายถึงต้นกล้าข้าวนั่นเอง
6. เดือนมิถุนายน – Minazuki (水無月)
ดอกโบตั๋น คือสัญลักษณ์ของเดือนนี้ สำหรับคนที่อ่านคันจิได้ อาจจะกำลังสงสัยว่า 水無月 มันหมายถึงช่วงหน้าแล้งนี่นา! แล้วทำไมถึงถูกนำมาใช้เป็นชื่อเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงที่นาข้าวกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำฝนอย่างเต็มที่แบบนี้ล่ะ? ว่ากันว่าจริงๆ แล้วชื่อเดือนนี้อาจจะมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า 水の月 (Mizu no tsuki) ซึ่งแปลว่ามีน้ำมาก หากแต่พอใช้มาใช้ไป ก็อาจเกิดการกร่อนคำเพี้ยนเสียงเพี้ยนรูปจนกลายมาเป็นอย่างที่เห็นกันนี่ละ!
7. เดือนกรกฎาคม – Fumizuki (文月)
เดือนแห่งเทศกาล Tanabata ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีเดือนนี้ มีดอกโคลเวอร์ญี่ปุ่นซึ่งมีสีแดงอมม่วงเป็นสัญลักษณ์ โดยเมื่อถึงวันที่ 7 เดือน 7 ของเทศกาลนี้ ชาวญี่ปุ่นจะนิยมเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษสีสันสดใส ก่อนจะนำไปแขวนไว้ที่กิ่งไผ่เพื่อเป็นการขอพรจากฟากฟ้า ซึ่งนี่เองเป็นที่มาของชื่อเดือนซึ่งใช้ตัว 文 ซึ่งหมายถึงตัวอักษร จดหมาย หรือการเขียนข้อความ อันเป็นการสื่อถึงความสำคัญของเทศกาลทานาบาตะที่จัดขึ้นในเดือนนี้นั่นเอง
8. เดือนสิงหาคม – Hazuki (葉月)
นอกจากเดือนนี้จะเก๋ตรงที่มีสัญลักษณ์เป็นต้นหญ้ามิสแคนทัสซูซูกิเป็นสัญลักษณ์แทนดอกไม้ต่างไปจากเดือนอื่นๆ แล้ว เดือนนี้ยังเป็นเดือนที่ 葉 หรือใบไม้สีเขียวๆ กำลังจะเริ่มโรยรา เป็นเดือนที่ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเข้ามาแทนที่ฤดูร้อนซึ่งกำลังจะจากไป ชื่อของเดือนนี้จึงมีความหมายถึงการร่วงหล่นของใบไม้ ฟังดูเหงาแต่ก็ให้ความรู้สึกโรแมนติกไม่น้อยเหมือนกันนะ!
9. เดือนกันยายน – Nagatsuki (長月)
เมื่อฤดูร้อนโบกมือลา และฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเข้ามาแทนที่ นี่จึงเป็นช่วงเดือนซึ่งมีระยะเวลากลางวันสั้นลงแต่กลางคืนยาวนานขึ้นกว่าที่ผ่านมา นอกจากจะมีดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แล้ว ตัวอักษรซึ่งใช้แทนเดือนนี้ยังเป็นตัว 長 ซึ่งมีความหมายว่า ยาว, นาน ชาวญี่ปุ่นจึงมีประเพณีชมจันทร์เสพความงามช่วงค่ำคืนขึ้นในเดือนนี้ ที่เรียกกันว่า Tsukimi : 月見 ซึ่งในระหว่างพิธีการชมจันทร์ จะมีการนำขนมดังโงะมาจัดเรียงใส่จานให้เป็นทรงสูง วางคู่กับต้นหญ้าซูซูกิ เพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้าและแสดงความขอบคุณหลังจากชาวบ้านได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรสำเร็จลงได้เป็นอย่างดีในช่วงเดือนนี้อีกด้วย
10. เดือนตุลาคม – Kannazuki (神無月)
สัญลักษณ์ของเดือนแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเช่นนี้ จะมีอะไรที่เหมาะไปกว่าใบไม้แดงอีกล่ะ! นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูแห่งสีสันอันสดใสแล้ว ชื่อของเดือนนี้ยังมีความหมายว่าเป็นเดือนที่ปราศจากเทพเจ้า! เอ้า … ไม่ต้องงงกันจ้า เพราะชาวญี่ปุ่นเค้าเชื่อกันว่าในเดือนนี้จะเป็นเดือนที่ส่วนต่างๆ ในแผ่นดินญี่ปุ่นไม่มีเทพเจ้า เพราะเหล่าเทพทั้งหมดของญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันอยู่ที่ศาลเจ้า Izumo Taisha ในจังหวัดชิมาเนะเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งศาลเจ้านี้ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศเลยก็ว่าได้ สายมูคนไหนได้ไปญี่ปุ่นในช่วงนี้ ห้ามพลาดการปักหมุดเพื่อไปรับพรจากทวยเทพทั้งหมดของแดนปลาดิบกันที่นี่เชียวนะ!
11. เดือนพฤศจิกายน – Shimotsuki (霜月)
เดือนที่สิบเอ็ดของปีแบบนี้ มีต้นหลิวที่สวยงามพลิ้วไหวเป็นสัญลักษณ์ โดยในชื่อเดือนนี้นั้นมีคำว่า 霜 ซึ่งแปลว่าน้ำค้างแข็ง อันเป็นปรากฏการณ์ที่มักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ในช่วงนี้ เพราะเป็นเดือนที่ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามา ช่วงเช้าๆ จึงจะสามารถพบเห็นน้ำค้างแข็งกระจายตัวอยู่บนยอดหญ้าได้โดยทั่วไปในญี่ปุ่นนั่นเอง
12. เดือนธันวาคม – Shiwasu (師走)
ส่งท้ายเดือนที่สิบสองของปี กับการเป็นเดือนเดียวที่ไม่มีคำว่า ‘เดือน’ หรือ 月 กำกับไว้ในชื่อ สำหรับสัญลักษณ์ของเดือนนี้คือต้นคิริ (桐) หรือต้น Poulownia นอกจากนั้น ชื่อของเดือนนี้ยังมีตัว 師 ซึ่งมักมีความหมายถึงผู้นำ โดยเฉพาะผู้นำทางศาสนา เช่น พระ หรือผู้ดูแลศาลเจ้า รวมอยู่กับตัว 走 ซึ่งแปลว่าการวิ่ง นั่นก็เพราะเดือนสุดท้ายของปีอย่างในช่วงเดือนนี้นั้นจะเป็นช่วงที่มีผู้คนเดินทางเข้ามาไหว้พระขอพรกันเป็นจำนวนมาก ทำให้พระหรือผู้ดูแลศาลเจ้านั้นต่างก็มีงานยุ่งวุ่นวายจนต้องวิ่งวุ่นกันไปมาเลยทีเดียว
และนี่คือชื่อเดือนตามปฏิทินจันทรคติแบบโบราณของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเห็นได้ว่าหลายเดือนนั้นใช้ตัวอักษรที่สื่อภาษาถึงสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ ได้อย่างชัดเจนเลยเชียวละ ถือเป็นความน่ารักและซื่อตรงในการใช้ภาษาที่คนโบราณมักทำการตั้งชื่อแบบเข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อนมากเกินไปนัก แต่ก็ยังคงชัดเจนและงดงามในความหมายตามสไตล์ชาวอาทิตย์อุทัยซึ่งเรารู้สึกว่าชื่อหลายเดือนนั้นอ่านแล้วก็อมยิ้มได้ เลยขอเอามาฝากให้อ่านกันเพลินๆ แล้วกัน ส่วนอาทิตย์หน้าจะเป็นเรื่องแบบไหนยังไงนั้น ไว้รอติดตามกันได้เลยน้า
เรื่องแนะนำ :
– ต้อนรับ Pride Month กับตำนาน LGBTQ+ แดนอาทิตย์อุทัย!
– 10 ภาพยนตร์ที่ควรดูถ้าอยากเรียนรู้ความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง!
– Temari – จากของเล่นลูกคุณหนู สู่ของที่ระลึกแสนสวยของเมือง Matsumoto!
– ผ้าจากต้น ‘วิสทีเรีย’ ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ผ้าของญี่ปุ่น!
– ถ้ามีฉันอยู่ … ฟูจิต้องเป็นที่หนึ่ง!!
อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก:
https://blog.japanwondertravel.com/
https://www.blockdit.com/posts/62c8e4780cb68b34e63a5524
https://www.blockdit.com/posts/62bc7958b964143d589d4d05
https://japanupclose.web-japan.org/techculture/c20220817_2.html
#ก่อนจะเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ เดือนญี่ปุ่นเคยมีชื่อเรียกมาก่อนนะ!