ส่องที่มาเทศกาล ‘Hanabi’ ดอกไม้ไฟแห่งปีที่คนญี่ปุ่นนับล้านรอคอย!
เมื่อฤดูร้อนเข้ามาเยือนประเทศญี่ปุ่นแบบเต็มตัวเต็มที่ ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าหนึ่งในเทศกาลสำคัญซึ่งต้องมีและขาดไม่ได้ก็ต้องเป็นการไปชมดอกไม้ไฟสุดอลังการในยามค่ำคืน ที่โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมากับงานออกร้านในเทศกาลฤดูร้อนอันแสนจะมีชีวิตชีวา!
Hanabi หรือดอกไม้ไฟในภาษาญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนมาแล้วเนิ่นนาน โดยเริ่มต้นนั้นคณะทูตของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 จากอังกฤษและพ่อค้าชาวจีนเป็นผู้นำเข้ามาเป็นของกำนัลแก่เหล่าชนชั้นปกครอง สำหรับดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นเองในยุคแรกๆ นั้น จะเป็นการนำเอาดินปืนมาวางไว้บนส่วนปลายของฟาง แล้วนำไปตั้งไว้บนกระถางธูปอีกที ผู้คนจึงเรียกขานดอกไม้ไฟแบบนี้ว่า Senko Hanabi (พลุธูป) เพราะมีลักษณะคล้ายธูปที่อยู่ในกระถางไหว้เทพเจ้านั่นเอง – –
เทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดแสดงให้ประชาชนในญี่ปุ่นได้ชมกันนั้น เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยเอโดะหรือราวๆ ปี 1733 ในยุคสมัยของโชกุน Tokugawa Yoshimune ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารและอหิวาตกโรคระบาดขึ้นอย่างหนักในเอโดะตั้งแต่ช่วงปี 1732 โดยเหตุการณ์โรคระบาดคราวนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึงราว 900,000 ราย จนก่อให้เกิดบรรยากาศที่เศร้าหมองหดหู่ขึ้นทั่วไปในเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นจากความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือจากภาวะความอดอยาก โชกุนโทกุกาวะจึงสั่งให้นำดอกไม้ไฟจำนวน 20 ลูก มาจุดขึ้นที่บริเวณแม่น้ำ Ryogoku เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายและยังใช้แทนการอธิษฐานภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งน้ำให้เรื่องแย่ๆ ในครั้งนั้นจบลงในเร็ววันเสียที นั่นจึงนับเป็นการแสดงดอกไม้ไฟในที่สาธารณะครั้งแรกของแดนอาทิตย์อุทัย อีกทั้งยังทำให้ดอกไม้ไฟกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหวังตั้งแต่นั้นมา และการจุดดอกไม้ไฟเพื่อบูชาและขอพรจากเทพเจ้าแห่งน้ำให้พ้นวิกฤตการณ์ในคราวนั้น ก็ได้กลายมาเป็นเทศกาลดอกไม้ไฟในบริเวณแม่น้ำสุมิดะ ซึ่งเป็นเทศกาลดอกไม้ไฟที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งยังคงมีการสืบทอดกันต่อมา – – หลังจากนั้น การจุดดอกไม้ไฟจึงเริ่มถูกใช้เป็นการบูชาเทพตามศาลเจ้าต่างๆ อย่างแพร่หลาย และค่อยๆ กลายเป็นหนึ่งในงานเทศกาลสำคัญเพื่อความผ่อนคลายและสนุกสนานของชาวญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
กล่าวกันว่าในยุคของโชกุนโทกุกาวะ โยชิมุเนะ เป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองค่อนข้างสงบเรียบร้อยปราศจากสงคราม ทำให้เหล่าบรรดาช่างที่มีความชำนาญในการนำดินปืนมาใช้งานหันไปพัฒนาการทำดอกไม้ไฟเพื่อความสวยงามมากกว่าการมุ่งเน้นเพื่อนำไปใช้ในเรื่องราวของสงครามดังเช่นที่ผ่านมา ในยุคแรกนั้น ดอกไม้ไฟที่ทำการแสดงจะเป็นสีส้มอ่อนแค่เพียงสีเดียว จนมีการนำ Potassium Chlorate เข้ามาผสมผสานในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จึงทำให้ฮานาบินั้นมีสีสันต่างๆ เพิ่มมากขึ้น – – ดอกไม้ไฟในญี่ปุ่นถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความสวยงามว่าไม่แพ้ใครในโลก และเป็นที่รู้กันดีว่าช่างทำดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นนั้นมีความสามารถสูงในการเนรมิตดอกไม้ไฟให้มีรูปร่างที่หลากหลายสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นต้นปาล์ม ดอกเบญจมาศ ดวงดาว หัวใจ สัตว์ต่างๆ ไปจนถึงตัวการ์ตูนชื่อดัง รวมทั้งยังมีขนาดเล็ก – ใหญ่ถึงประมาณ 14 ไซส์ ตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร ไปจนถึงประมาณ 120 เซนติเมตร ซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในดอกไม้ไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีขนาดใหญ่กว่า 600 เมตรเมื่อระเบิดออกบนท้องฟ้า
จุดเด่นอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางของดอกไม้ไฟจากญี่ปุ่นนั้น คงต้องยกให้กับการระเบิดกระจายตัวเป็นวงกลมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ว่ากันว่าดอกไม้ไฟที่มาจากฝีมือช่างแดนปลาดิบจะเป็นทรงกลมที่เห็นได้จากทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นด้านล่าง ด้านบน ด้านหน้า หรือว่าด้านหลัง รวมทั้งในดอกไม้ไฟหนึ่งดอกนั้นยังสามารถเปลี่ยนหรือสลับสีได้อย่างน่าตื่นตา อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือดอกไม้ไฟโดยส่วนใหญ่ของทุกประเทศนั้นมักจะบรรจุมาในรูปทรงกระบอกเป็นหลัก แต่ดอกไม้ไฟที่ผลิตจากช่างชาวญี่ปุ่นนั้นมักจะบรรจุมาในลักษณะทรงกลม ซึ่งนั่นอาจเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่ส่งให้ดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นระเบิดออกมาเป็นรูปทรงที่น่าทึ่งได้อย่างไม่มีที่ไหนเหมือนนั่นเอง
เทศกาลดอกไม้ไฟในญี่ปุ่นจะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปีในหลากหลายสถานที่ทั่วประเทศ ซึ่งในการแสดงแต่ละแห่งนั้นจะมีผู้คนนับแสนที่ตั้งตารอชมความอลังการจากสีสันบนท้องฟ้าเหล่านี้ หากใครมีแพลนเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน ขอบอกเลยว่านี่คือประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด! ใครมีโอกาสได้ไปร่วมงาน อย่าลืมจัดเต็มกันด้วยการสวมชุดยูกาตะไปเดินเล่นหาของกินของใช้ในงานออกร้านที่มักจะมีอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่จัดงาน ก่อนไปดูดอกไม้ไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นการปิดท้าย รับรองได้ว่าคุณต้องประทับใจจนลืมไม่ลงอย่างแน่นอน!
Tips:
หากคุณไม่อยากเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน แต่อยากตื่นตะลึงไปกับงานเทศกาลดอกไม้ไฟ ปัจจุบันนี้มีการแสดงดอกไม้ไฟในช่วงฤดูหนาวให้ชมกันได้ด้วยนะ หนึ่งในจังหวัดที่เราอยากแนะนำก็คือ Niigata ซึ่งผู้เขียนเคยมีโอกาสได้ไปชมงานแสดงดอกไม้ไฟที่เป็นส่วนหนึ่งใน Echigo-Tsumari Art Field โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำในวันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมในทุกปีที่เมือง Tokamachi จังหวัด Niigata บอกเลยว่าการชมดอกไม้ไฟสุดอลังกลางทุ่งหิมะพร้อมเพลงประกอบนั้น ทั้งสวยและน่าประทับใจจนยังลืมไม่ลงจนถึงทุกวันนี้ ที่เก๋กว่างานอื่นก็คืองานนี้เค้าจะมีการนำไฟ LED ดวงเล็กๆ หลากสี ไปฝังไว้ในทุ่งหิมะประหนึ่งว่าเป็นการจำลองสีสันของทุ่งดอกไม้ คอนเฟิร์มว่าเป็นความสวยที่ชีวิตนี้ลืมไม่ได้เลยเชียวคุณ!
เรื่องแนะนำ :
– ก่อนจะเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ เดือนญี่ปุ่นเคยมีชื่อเรียกมาก่อนนะ!
– ต้อนรับ Pride Month กับตำนาน LGBTQ+ แดนอาทิตย์อุทัย!
– 10 ภาพยนตร์ที่ควรดูถ้าอยากเรียนรู้ความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง!
– Temari – จากของเล่นลูกคุณหนู สู่ของที่ระลึกแสนสวยของเมือง Matsumoto!
– ผ้าจากต้น ‘วิสทีเรีย’ ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ผ้าของญี่ปุ่น!
อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก:
https://www.japan.travel/en/japan-magazine/
https://www.jrpass.com/blog/hanabi-japanese-fireworks
https://artsandculture.google.com/story/
https://hanabi2020.jp/en/art/
#ส่องที่มาเทศกาล ‘Hanabi’ ดอกไม้ไฟแห่งปีที่คนญี่ปุ่นนับล้านรอคอย!