รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen: 新幹線)… รถไฟความเร็วสูงในดวงใจของชาวญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลก
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสิ่งน่าประทับใจมากมายทั้งในสายตาของคนญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่เทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ แต่หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชอบและประทับใจมากที่สุดอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ก็คือ “รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น” นั่นเอง
:รถไฟชินคันเซ็นคืออะไร:
ชินคันเซ็น (Shinkansen) คือรถไฟความเร็วสูงของประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีหัวรถเป็นรูปทรงกระสุนยาว รถไฟชินคันเซ็นสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้สามารถเดินทางระหว่างเมืองใหญ่ต่างๆของญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
เหตุผลที่รถไฟชินคันเซ็นมีหัวเป็นทรงกระสุนยาวเพราะต้องการลดแรงต้านอากาศเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงๆ โดยหัวรถที่เป็นทรงกระสุนจะช่วยให้อากาศไหลผ่านตัวรถไปได้อย่างราบรื่น ลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวแม้จะเดินทางด้วยความเร็วสูงก็ตาม นอกจากนี้การออกแบบตู้โดยสารและตัวรถยังมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยและการนั่งที่สบายเป็นพิเศษอีกด้วย
:วิวัฒนาการของเทคโนโลยีรถไฟชินคันเซ็น:
ชินคันเซ็นเริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1964 บนเส้นทางโตเกียว-โอซาก้า โดยใช้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงแบบล้อเหล็กวิ่งบนราง ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ 210 กม./ชม. ต่อมามีการพัฒนารถไฟชินคันเซ็นรุ่นใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ โดยเพิ่มความเร็ว ความจุผู้โดยสาร และระบบความปลอดภัยให้สูงขึ้น
ในช่วงทศวรรษ 1990 เริ่มมีการทดลองใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กลอยตัวหรือ Maglev กับรถไฟชินคันเซ็น ซึ่งทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นไปถึง 500 กม./ชม.แต่ไม่ได้นำมาใช้จริงเนื่องจากมีต้นทุนสูงและต้องสร้างทางวิ่งแยกต่างหาก ปัจจุบันชินคันเซ็นยังคงใช้ระบบล้อเหล็กวิ่งบนรางเหมือนเดิม แต่มีการพัฒนาให้วัสดุตัวรถเบาแต่แข็งแรงขึ้น ปรับปรุงการออกแบบทั้งภายนอกและภายในให้ทันสมัยและโดดเด่นมากขึ้น เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงพัฒนาระบบขับเคลื่อน เบรก และระบบอัตโนมัติต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
:รุ่นและสเปคของชินคันเซ็น:
ปัจจุบันรถไฟชินคันเซ็นมีหลายรุ่นและสเปค แต่ละรุ่นจะมีชื่อเรียกต่างกันออกไป เช่น
– ชินคันเซ็น ซีรี่ส์ 0 รถไฟรุ่นแรกสุดที่เปิดใช้ในปี 1964 ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
– ชินคันเซ็น ซีรี่ส์ 100 เริ่มใช้ในปี 1985 เป็นรุ่นยอดนิยม ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
– ชินคันเซ็น ซีรี่ส์ 500 เปิดใช้งานปี 1997 ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. เป็นรุ่นแรกที่ใช้การออกแบบหัวรถแบบ”แคปซูล” ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของรุ่นต่อๆมา
– ชินคันเซ็น ซีรี่ส์ N700 เริ่มวิ่งปี 2007 เป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ทำความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. แต่สามารถเร่งความเร็วเป็น 330 กม./ชม.ได้ชั่วคราวเมื่อวิ่งบนเส้นทางพิเศษบางช่วง
– ชินคันเซ็น ซีรี่ส์ L0 ยังเป็นแค่ต้นแบบที่กำลังพัฒนา ใช้ระบบแมกเลฟลอยตัว คาดว่าจะทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 500 กม./ชม.
นอกจากนี้ยังมีรถไฟชินคันเซ็นแบบพิเศษที่ใช้งานเฉพาะกิจอีก เช่น รถไฟ Doctor Yellow ที่ใช้สำหรับตรวจสอบราง หรือรถไฟชินคันเซ็นสำหรับขนส่งสินค้าด้วย
:เส้นทางของชินคันเซ็น:
ปัจจุบันมีเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นอยู่ 8 เส้นทางหลักๆดังนี้
1. โทไค ชินคันเซ็น: โตเกียว – นาโกย่า – เกียวโต – โอซาก้า – ฮาคาตะ (คาโกชิม่า)
2. ซันโย ชินคันเซ็น: โอซาก้า – ฮิเมจิ – ฮิโรชิม่า – ฮาคาตะ (คาโกชิม่า)
3. โทโฮคุ ชินคันเซ็น: โตเกียว – เซนได – ฮาจิโนเฮะ (อาโอโมริ)
4. จูโอ ชินคันเซ็น: นาโกย่า – นีงะตะ (โทโฮกุ)
5. ฮคุริกุ ชินคันเซ็น: โทเกียว – นาโกย่า – คานาซาว่า
6. โฮคุริคุ ชินคันเซ็น: โตเกียว – เซนได – อาโอโมริ – ฮาโกดาเตะ (ซัปโปโร)
7. ชินคันเซ็นมินามิ: ฮาคาตะ – คาโกชิม่า
8. โฮคุริคุ-ฮอกไกโด: สโปโกตุง – ซัปโปโร
เส้นทางเหล่านี้ครอบคลุมเมืองใหญ่เกือบทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่ยังไม่สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นวิ่งตรงจากคาโกชิม่าทางใต้สุดไปจนถึงฮอกไกโดทางเหนือสุดได้ เพราะมีช่วงที่ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายอื่นบ้าง เส้นทางที่ยาวที่สุดโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนน่าจะเป็นโทไคชินคันเซ็นจากโตเกียวไปจนถึงฮาคาตะ(คาโกชิม่า) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงเท่านั้น
:โฆษณารถไฟชินคันเซ็นโทไคโด ช่วงคริสต์มาส:
ในแต่ละปีช่วงเทศกาลคริสต์มาส จะมีการออกอากาศโฆษณารถไฟชินคันเซ็นโทไกโดที่เป็นที่นิยมมากในหมู่คนญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นแสนน่ารัก เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้องกับการกลับบ้านช่วงสิ้นปีโดยนั่งรถไฟชินคันเซ็น ซึ่งถือเป็นกิจกรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นที่ทำกันมายาวนาน โฆษณานี้สื่อถึงความสุขและความอบอุ่นของการได้กลับไปพบครอบครัวผ่านการเดินทางด้วยชินคันเซ็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปแล้ว จึงได้รับความนิยมและรอคอยจากผู้คนทุกปี ข้อความที่สื่อในโฆษณามักทำให้คนดูอบอุ่นในหัวใจเสมอโดยเฉพาะสุภาพสตรีครับ
ตัวอย่างข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว
– การที่คุณกลับมาคือของขวัญวันคริสต์มาสที่ดีที่สุด
– การที่คุณกลับมาคือเสียงระฆังในวันคริสต์มาส
– คนที่คุณอยากเจอในวันคริสต์มาส คิดๆดูแล้ว ดิฉันอยากเป็นคนๆนั้น
เพลงประจำวันคริสต์มาสประเทศญี่ปุ่นไม่มีเพลงไหนจะเหมาะไปกว่า เพลง Christmas Eve ของคุณYamashita Tatsuro ครับ
โดยสรุป
รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นถือเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ทางเทคโนโลยีที่คนญี่ปุ่นภูมิใจนำเสนอต่อชาวโลก ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ความเร็วสูง การตรงต่อเวลา ความปลอดภัย และการให้บริการที่เป็นเลิศ ทำให้ชินคันเซ็นครองใจผู้คนมาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี และยังมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ชินคันเซ็นไม่ใช่แค่การเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวชั้นยอดที่หลายคนใฝ่ฝันอยากสัมผัส การนั่งชินคันเซ็นชมวิวข้างทางที่งดงาม พร้อมเพลิดเพลินกับการบริการชั้นเยี่ยมบนตู้โดยสารสุดหรู เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนญี่ปุ่น นอกจากจะมีบทบาทสำคัญในการขนส่งผู้โดยสารแล้ว ชินคันเซ็นยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และค่านิยมของคนญี่ปุ่น ในเรื่องความเที่ยงตรง ความมีระเบียบวินัย การให้บริการ และการคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อพัฒนาประเทศอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยเหตุนี้ชินคันเซ็นจึงเป็นมากกว่ารถไฟ แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่นที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและประทับใจ
หากมีโอกาสได้มาเยือนญี่ปุ่น ลองสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟชินคันเซ็นดูสักครั้ง รับรองว่าจะได้ทั้งความเพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจ และเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้คนทั้งโลกหลงใหลรถไฟหัวกระสุนขบวนนี้ ที่ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นอีกหนึ่งไอคอนแห่งความภูมิใจของประเทศญี่ปุ่น ที่พร้อมจะพาคุณไปสู่จุดหมายอย่างรวดเร็วปลอดภัย และแสนพิเศษยิ่งกว่าที่ไหนๆ ในโลกใบนี้
เรื่องแนะนำ :
– ฟูจิซัง…ศูนย์รวมแห่งพลังใจสำหรับชาวอาทิตย์อุทัยและชาวต่างประเทศที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น
– ทำไมไลฟ์โค้ช (Life Coaching) จึงเริ่มกลับมาบูมมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น?
– ตั้งนานแล้ว ทำไมไอดอลและดาราญี่ปุ่นจึงเพิ่งมาจริงจังกับการเป็นยูทูบเบอร์ (Youtuber)?
– เซ็มมง กักโค: รูปแบบการเรียนที่เหมาะสมกับเด็กไทยในปัจจุบันและอนาคต
– ความลับแห่งอายุที่ยืนยาวของชาวญี่ปุ่น เผยเคล็ดลับวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี
#รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น (Shinkansen: 新幹線)… รถไฟความเร็วสูงในดวงใจของชาวญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลก