หนังสือการ์ตูนยุคแรกเริ่มของญี่ปุ่นเป็นยังไง ไปดูกัน!
การ์ตูน หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามมังงะ (Manga) นับว่าเป็นอีกหนึ่งของดีแดนอาทิตย์อุทัยที่แผ่ขยายอิทธิพลออกไปทั่วโลกในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่มุมไหน ก็เชื่อว่าต้องพบแฟนพันธุ์แท้มังงะญี่ปุ่นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ยิ่งในโลกดิจิตัลแบบนี้ มังงะยิ่งแพร่ขยายไปสู่ผู้คนทุกเพศ วัย และเชื้อชาติได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเลยเชียวละ วันนี้เราจึงอยากชวนคุณย้อนอดีตกลับไปดูต้นกำเนิดการ์ตูนเล่มแรกที่เกิดขึ้นในแดนอาทิตย์อุทัยว่ามีที่มาแบบไหนยังไงกันนะ ไปดูจุดเริ่มต้นของมังงะญี่ปุ่นพร้อมกันได้เลย!
Adam L. Kern ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีและวัฒนธรรมญี่ปุ่นของ University of Wisconsin–Madison ได้ทำการค้นคว้าจนได้คำตอบว่าหนังสือการ์ตูนยุคแรกของญี่ปุ่นนั้น น่าจะเป็นหนังสือที่มีชื่อเรียกว่า ‘Kibyoshi’ ซึ่งเป็นหนังสือภาพที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงกลางยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1867) โดยจะมีลักษณะอันโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์คือการมีปกหลังของหนังสือเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติแล้วคิเบียวชิหนึ่งเล่มจะมีอยู่ประมาณ 10 หน้า ในบางครั้งอาจพบว่าคิเบียวชิหนึ่งเรื่องจะมีความยาวต่อเนื่องกันประมาณ 2 – 3 เล่มจึงจะจบ ในแต่ละหน้าจะมีรูปภาพขนาดใหญ่พร้อมทั้งบทบรรยายหรือบทสนทนากำกับไว้ให้อ่านไปพร้อมกัน ตามหลักฐานนั้นพบว่าคิเบียวชิเล่มแรกถูกพิมพ์ขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1775 โดยศิลปินซึ่งมีชื่อว่า Koikawa Harumachi ในชื่อเรื่อง Kinkin Sensei eiga no yume บอกเล่าเรื่องราวความฝันถึงความเจริญอันน่าตื่นตาของชายหนุ่มซึ่งอาศัยอยู่ในชนบทอันแร้นแค้นแสนไกล
วิธีการทำหนังสือภาพหรือคิเบียวชิในยุคนั้น ใช้วิธีการแกะสลักภาพและตัวหนังสือลงบนบล็อกไม้แล้วพิมพ์ลงบนกระดาษ เรื่องราวส่วนใหญ่จะพูดถึงสังคมเมืองหลวงทั้งในแง่ของความตลกขบขัน การวิจารณ์และเสียดสี รวมถึงการพูดถึงเรื่องราวของย่านเด่นๆ ในเมืองหลวงสมัยนั้น หลายครั้งยังพบว่ามีการสร้างโครงเรื่องในหนังสือขึ้นมาโดยอ้างอิงถึงบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์จริงซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งเรื่องราวของชนชั้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งระบอบการปกครองในยุคนั้นๆ เชื่อกันว่าบางครั้งคิเบียวชิเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในสังคมวงกว้าง ทำให้ช่วงหลังๆ มีการออกกฎหมายควบคุมขึ้นมา ซึ่งคิเบียวชิทุกเล่มที่จะทำการพิมพ์ต้องมีตราประทับว่าผ่านการตรวจสอบจากภาครัฐแล้วเท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการใส่เรื่องราวเสียดสีสังคมหรือการเมืองลงไป รวมถึงยังต้องระบุชื่อของผู้แต่ง ศิลปิน และผู้จัดพิมพ์อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการผลิตเนื้อหาที่ทางการไม่อนุมัติส่งผ่านไปยังประชาชนนั่นเอง
หลังจากมีการลงโทษผู้ที่ยังฝ่าฝืนพิมพ์คิเบียวชิซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียดสีสังคมต่างๆ ไปหลายต่อหลายราย ทำให้คิเบียวชิในยุคท้ายๆ นั้นกลายเป็นสิ่งพิมพ์ที่ขาดสีสันและความมีชีวิตชีวาน่าติดตามอย่างในช่วงแรกๆ จนทำให้เสื่อมความนิยมและค่อยๆ จางหายไปในเวลาไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการค้นพบผลงานพิมพ์คิเบียวชิที่ตกทอดมาถึงยุคนี้เป็นจำนวนหลายพันเล่มเลยเชียวละ
– – แม้ทุกวันนี้บทบาทของมังงะอาจจะทำหน้าที่สร้างความบันเทิงเป็นหลัก แตกต่างจากบรรพบุรุษอย่างคิเบียวชิที่มักทำหน้าที่ตีแผ่เรื่องราวสังคมในช่วงนั้นๆ มากกว่า แต่มังงะก็เติมแต่งจินตนาการให้คนอ่านมีความรู้สึกสนุกสนานและอยากติดตามกันต่อไป จนกลายเป็นหนึ่งใน soft power ของชาวญี่ปุ่นที่ครองใจผู้คนจากทั่วโลกได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังได้แฟนๆ รุ่นใหม่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางบอกเล่าวัฒนธรรมแบบเจแปนิสสไตล์ไปสู่ผู้คนในทุกมุมโลก ไม่ว่าจะยุคไหน หนังสือภาพหรือการ์ตูนก็ยังคงทำหน้าที่ส่งสาส์นสู่ผู้คนได้อย่างทรงพลังเสมอมา – –
ใครบอกว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระ แนะนำว่าให้คิดดูอีกที!
เรื่องแนะนำ :
– 10 ลาย ‘Wagara’ กับความสวยที่ไม่ใช่แค่ลวดลาย แต่มีความหมายดีๆ ซ่อนอยู่
– ส่องที่มาเทศกาล ‘Hanabi’ ดอกไม้ไฟแห่งปีที่คนญี่ปุ่นนับล้านรอคอย!
– ก่อนจะเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ เดือนญี่ปุ่นเคยมีชื่อเรียกมาก่อนนะ!
– ต้อนรับ Pride Month กับตำนาน LGBTQ+ แดนอาทิตย์อุทัย!
– 10 ภาพยนตร์ที่ควรดูถ้าอยากเรียนรู้ความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง!
อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก:
https://en.m.wikipedia.org/w/index.php?title=Kiby%C5%8Dshi&diffonly=true
https://en.wikipedia.org/wiki/Manga#
https://www.library.metro.tokyo.lg.jp/
#หนังสือการ์ตูนยุคแรกเริ่มของญี่ปุ่นเป็นยังไง ไปดูกัน!