ญี่ปุ่นเร่งให้ความสำคัญกับการบริจาคนมแม่แม้ต้องเจอกับอุปสรรค
เมื่อหลายวันก่อนนิจได้มีโอกาสไปบริจาคเลือดมาค่ะ ครั้งนี้สภากาชาดไทยไปรับบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลสงฆ์
รอบถัดไปจะตรงกับวันที่ 25 กันยายน และ 25 ธันวาคม 2567 ตามป้ายในรูปเลยนะคะ
มาบริจาคกันเยอะๆ นะคะเพื่อนๆ
ส่วนตัวคิดว่า การบริจาคที่เกี่ยวกับการแพทย์ส่วนใหญ่ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดีก็จะมีการบริจาคเลือด บริจาคอวัยวะ และบริจาคร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา แต่วันนี้นิจอยากเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการบริจาคอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนอาจจะลืมนึกถึง นั่นก็คือการบริจาคนมแม่ค่ะ ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้ว ประเทศญี่ปุ่นก็กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากค่ะ
เว็บไซต์ Kyodonews.net ของญี่ปุ่นได้นำเสนอข่าวเรื่องสถานการณ์การบริจาคนมแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ว่า ณ ตอนนี้ธนาคารนมแม่ในประเทศญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนทั้งเงินทุนและบุคลากร โดย ณ ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นมีธนาคารนมแม่อยู่เพียง 3 แห่งตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียวและจังหวัดไอจิ โดยธนาคารนมแม่จะทำการรับบริจาคนมแม่เพื่อทำการฆ่าเชื้อแล้วส่งไปให้กับโรงพยาบาลที่ร้องขอ โดยกลุ่มเป้าหมายคือทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,500 กรัม ที่มารดาป่วยเนื่องจากการคลอดก่อนกำหนดหรือมีน้ำนมไม่เพียงพอ ที่ผ่านมา ธนาคารนมแม่เพียง 3 แห่งนี้ตอบรับการร้องขอนมแม่จากสถาบันทางการแพทย์ 103 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลในปี 2566 ระบุว่ามีผู้ลงทะเบียนบริจาคนมแม่จำนวน 607 รายและมีทารก 1,118 รายที่ได้รับการบริจาค
ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีทารกได้รับการบริจาคนมแม่เพียง 813 ราย อย่างไรก็ตามจำนวนตัวเลขของทารกที่ร้องของการบริจาคมีมากถึง 5,000 รายต่อปีโดยเฉลี่ย นั่นหมายความว่ายังมีทารกที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และที่น่าเศร้ามากกว่านั้นคือ ธนาคารนมแม่แห่งหนึ่งในสามแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในสำนักงานของบริษัทผู้ผลิตสินค้าสำหรับทารกชื่อ Pigeon Corporation กำลังประสบกับภาวะขาดทุน ที่มาของรายได้ของธนาคารนมแม่นี้มาจากทางผู้บริจาคและจากทางโรงพยาบาล โดยทางธนาคารนมแม่กำลังประสบกับปัญหาที่จะขอเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากทางโรงพยาบาลเพราะทางโรงพยาบาลก็กำลังประสบกับปัญหาค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน
ล่าสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางธนาคารนมแม่แห่งนี้ได้จัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อนมแม่มาในราคา 5.8 ล้านบาทจากการระดมทุน Crowdfunding แต่ก็ยังขาดบุคลากร โดยมีบุคลากรที่ทำงานเต็มเวลาเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนผู้ที่ลงทะเบียนบริจาคนมแม่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการนมแม่อีกด้วย ดังนั้นการบริจาคนมแม่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการรณรงค์อย่างเร่งด่วน
ในส่วนของสถานการณ์การบริจาคนมแม่ที่ไทย ในปี 2566 นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าใน 1 ปี มีทารกคลอดก่อนกำหนดประมาณ 15 ล้านคนหรือเท่ากับว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนดมากกว่า 1 ราย ต่อการคลอด 10 ราย และทุกๆ ปีจะมีทารกที่เสียชีวิตจากการคลอดก่อนกำหนดประมาณ 1 ล้านคน
น้องๆ ที่คลอดก่อนกำหนดเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับนมแม่ เนื่องจากมารดามีภาวะแทรกซ้อนเจ็บป่วยไม่สามารถให้นมบุตรได้ หรือมีน้ำนมไม่พอ นมแม่มีประโยชน์คือช่วยกระตุ้นฮอร์โมนในลำไส้ ลดโอกาสติดเชื้อในลำไส้และในกระแสเลือดและช่วยให้น้ำหนักขึ้นเร็ว ช่วยให้น้องๆ แข็งแรง ไม่ต้องนอนในโรงพยาบาลนาน
แต่ในการรับบริจาคนมแม่นั้นจำเป็นต้องมีการคัดกรองอย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัย มารดาที่มีน้ำนมมากเกินความต้องการไม่ควรแบ่งนมแม่กันเองโดยไม่มีแพทย์ช่วยคัดกรองเพราะจะเสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ เช่น HIV ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและไวรัสอื่นๆ ผ่านทางน้ำนม รวมถึงเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคด้วย
ผู้บริจาคน้ำนมต้องมีสุขภาพแข็งแรง ไม่รับประทานยาหรือฉีดยาที่เป็นข้อห้ามในการให้นมบุตร มีผลเลือดปกติ และน้ำนมที่จะบริจาคจะต้องเป็นน้ำนมที่บีบเก็บในช่วงที่บุตรคนล่าสุดอายุไม่เกิน 4 เดือน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของธนาคารนมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีค่ะ ที่ลิงค์นี้นะคะ https://www.childrenhospital.go.th/11906/บริการของเรา/เสริมสร้างสุขภาพ/ธนาคารนมแม่-donor-milk-bank-dmb/
ด้านล่างเป็นภาพเว็บไซต์ของธนาคารนมแม่ค่ะ
ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังรณรงค์เรื่องนี้กันอย่างแข็งขัน ฝั่งไทยเราก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์เรื่องบริจาคนมแม่กันนะคะ น้องๆ ที่คลอดก่อนกำหนดจะได้เติบโตมาได้อย่างแข็งแรง เป็นอนาคตของประเทศเราต่อไปค่ะ
ทักทายพูดคุยกับ คอลัมน์นิจ ได้ที่ >>> Facebook คอลัมน์นิจคิดandไรท์
เรื่องแนะนำ :
– ญี่ปุ่นเตรียมปกป้องธุรกิจร้านหนังสือ หลังพบว่าร้านหนังสือกำลังทยอยหายไปจากญี่ปุ่น
– เมื่อของเล่นเด็กในญี่ปุ่นเริ่มจะ Genderless การสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในประเทศก็เริ่มจะคาดหวังได้?
– ญี่ปุ่นวางขายผ้าอ้อมรีไซเคิล
– “ไม่ครบห้า” หนังสือที่อ่านแล้วคิดได้ว่าชีวิตจะครบหรือจะขาดอาจอยู่ที่ความพอใจ
– รวมนามสกุลสุดแปลกในภาษาญี่ปุ่นที่ใครๆก็คาดไม่ถึง
ที่มา:
– https://english.kyodonews.net/news/2024/06/
– https://www.thaipost.net/news-update/482421/
– https://www.hfocus.org/content/2023/11/28906
– https://milkbank.or.jp/en/news/2002/
#ญี่ปุ่นเร่งให้ความสำคัญกับการบริจาคนมแม่แม้ต้องเจอกับอุปสรรค