วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 7] ทานิ ยูคิโอะ ผู้เอาวิชายูยิตสูไปเผยแพร่ถึงเกาะอังกฤษ
สวัสดีครับพบกันอีกแล้วนะครับ สำหรับวันนี้เราจะมาต่อในเรื่องราวของการเอา “ยูยิตสู” ไปเผยแพร่ในโลกตะวันตก ถ้า มาเอดะ มิตสึโยะ เป็นศิษย์ยูโดที่เอาวิชาไปเผยแพร่ในทวีปอเมริกา ทานิ ยูคิโอะ ก็ต้องนับว่าเป็นผู้เอาวิชายูยิตสูไปเผยแพร่ที่อังกฤษ (ถึงแม้ตอนหลังจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อ “ยูโดโคโดคัน” ก็ตามที)
ทานิ ยูคิโอะ (谷幸雄) เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2423 เดิมทีเรียนวิชายูยิตสูสำนักเทนจินชินโยริวตาม ปู่ พ่อ และพี่ๆ เพราะปู่คือ ทานิ ชิกาโนะสุเกะ (谷鹿之助) เป็นคนแคว้นอาวะ (阿波国 ปัจจุบันคือเขตจังหวัดโทคุชิมะ เกาะชิโกกุ) ร่ำเรียนวิชาเป็นศิษย์ของ อิโซ มาตาเอมอน (磯又右衛門) ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งเทนจินชินโยริว ตัวทานิ ยูคิโอะเองก็คบหาแลกเปลี่ยนวิชากับ ทานาเบะ มาตาเอมอน เจ้าสำนักฟุเซ็นริวรุ่นที่ 4 ด้วย (วงการนี้จะว่าไปก็แคบนะเนี่ย 555) ทั้งยังเคยไปเรียนวิชาของสำนักไดโตริวที่โรงฝึกของ ฮันดะ ยาทาโร่ ที่โอซาก้าด้วย
เหตุที่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปอังกฤษคือ เมื่อปี พ.ศ. 2443 อายุราวสิบเก้าปี นาย Edward William Barton-Wright ได้เชิญชวนทานิพร้อมพี่ชายและยามาโมโต้ เซโซ ที่เป็นนักยูยิตสูด้วยกัน ไปเป็นครูสอนยูยิตสูที่สโมสรที่นายบาร์ตันตั้งขึ้นมา ชื่อว่า Bartitsu Club
เรื่อง Bartitsu Club นี่ขอเล่าเรื่องแทรกนิดนึง คือนายบาร์ตันเนี่ย แกตั้งสโมสรขึ้นมา เก็บตังค์ค่าเมมเบอร์ (แพงๆ แบบกะจับตลาดไฮโซ แต่ตอนหลังก็เหมือนแผนการตลาดมันไม่เวิร์ค ตอนหลังก็เลยต้องปิดตัวไป) โดยหมายให้สโมสรของตนเป็นแหล่งรวมของวิชาต่อสู้ต่างๆ ทั้งยูยิตสู ฟันดาบ บ๊อกซิ่ง Savate (คิกบ็อกซิ่งฝรั่งเศส) ยันวิชาป้องกันตัวโดยใช้ไม้เท้า (แต่ชื่อนี่ เอิ่ม มาก เอาชื่อ Barton ตัวพยางค์แรกมาสมาสกับคำว่า jitsu กลายเป็น Bartitsu (บาจิตสึ?) ไปซะงั้น แถมตอนหลัง เซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ ยังเอาไปเขียนอ้างอิงในเรื่อง “เชอร์ล็อค โฮล์มส์” โดยสะกดผิดเป็น Baritsu (บาริตสึ ฟังดูคล้ายๆ บาริสต้า นะ) อีก จนคนจำ “ชื่อที่ผิด” แทนชื่อที่ถูก ไปซะงั้น และจากที่มันควรจะเป็นชื่อของสโมสร มันก็ถูกทำให้คนเข้าใจไปว่าเป็นชื่อจำเพาะวิชาต่อสู้ป้องกันตัวแขนงหนึ่งไป
รูปนายบาร์ตันและภาพสาธิตวิชาที่สอนที่ Bartitsu Club
ฉากการต่อสู้ระหว่าง เชอร์ล็อค โฮล์มส์ กับ Professor Moriarty ที่น้ำตกไรเชินบัค ซึ่งในตอน The Adventure of the Empty House นั้น ผู้แต่งได้เขียนอ้างอิงว่า เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ใช้วิชา “บาริตสึ” (ที่มา Baker Street Wiki)
ชื่อ Bartitsu ถูกอ้างชื่อผิดเป็น Baritsu ตั้งแต่ในเรื่องเชอร์ล็อก โฮมส์ ยันเรื่อง Kengan Asura เลยเชียว (“บาริตสึ” ในเรื่องนี้ กลายเป็นยูยิตสูผสมบ๊อกซิ่ง ไปซะงั้น) (ที่มา Pinterest)
ตอนหลังพี่ชายของทานิ แล้วก็ ยามาโมโตะ ก็กลับญี่ปุ่นไปก่อน แต่นายทานิ ยังอยู่สอนที่ Bartitsu Club จนพอมาถึงปี พ.ศ. 2446 ทานิก็ออกมาจากสโมสรของนายบาร์ตัน ไปร่วมงานโชว์วิชากับโปรโมเตอร์คือนาย William Bankier ไปโชว์ในมิวสิคฮอลล์ในชื่อ “Apollo, the Scottish Hercules” หากินทางปล้ำโชว์จัดชาเลนส์ ใครอยากลองก็จ่ายเงินแล้วเข้ามา ถ้าในนัดห้านาที ยังทนอยู่ได้ เอาไปเลยนาทีละ 1 ปอนด์ ถ้าชนะได้ เอาไปเลย 100 ปอนด์ แน่นอน ผู้ท้าชิงต้องแข่งขันตามกฎของยูยิตสู พูดง่ายๆ คือ ซับมิชชั่น (ล็อคหรือรัดให้ยอมจำนน) ได้ อ้อ ต้องใส่ “กิ” หรือเสื้อแบบเสื้อยูโด ด้วยนะ ผมอ่านแล้ว เฮ้ แบบนี้ก็โดนพวก cross collar choke, lapel choke ได้ดิ (ใช้กิของคู่ต่อสู้เป็นอาวุธรัดคอคู่ต่อสู้เอง) ซึ่งมีคนมาท้าแข่งแบบหัวกระไดไม่แห้ง ออกทัวร์เดินสายหกเดือน เอาชนะผู้ท้าชิงกว่า 500 คน เฉลี่ย 20 คนต่อสัปดาห์!
ในการชาเลนจ์นี้ บอกตรงๆ ทานิแพ้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น แพ้ให้กับ มิยาเกะ ทาโร่ ซึ่งเป็นนักยูยิตสูเหมือกนัน
มิยาเกะ ทาโร่ (ที่มา wikipedia)
พอ ปี พ.ศ. 2447 ทานิและมิยาเกะ ตั้งโรงเรียนสอนยูยิตสูที่ลอนดอน แถมยังเขียนหนังสือ The Game of Ju-jitsu ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2449 อีกด้วย
แน่นอนว่า ในวงการมวยอาชีพ มันต้องมีเรื่องใครอยากท้าไฝว้กับใคร เขม่นกับใคร อะไรประมาณนี้ (เหมือนแม็คเกรเกอร์กับคาบิบ) ทานิก็มีเหมือนกัน คือมีเรื่องท้าชนกับ จอร์จ ฮักเกนชมิดท์ แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทมวยปล้ำอาชีพคนแรกในประวัติศาสตร์ (ต้นตำรับท่า Bear Hug)
ภาพของ จอร์จ ฮักเกนชมิดท์ ปี พ.ศ. 2448
เรื่องก็ประมาณว่า ทานินั้น ทีแรกท้าชนก่อน แต่จอร์จเฉย ก็เลยต้องเรียกร้องความสนใจด้วยการบุกไปที่เวทีตอนแมชท์ของจอร์จกับ อันโตนิโอ ปิเอรี่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2446 แล้วไปท้า (โอ้โห ยังกับการ์ตูน) ต่อหน้าประชาชี (ถ้าไม่ยอมรับคำท้านี่หมาเลยนะ) จอร์จเลยบอก ถ้าจะแข่ง ต้องแข่งในกติกามวยปล้ำแบบกรีโก-โรมัน (โว้ย) แตก็ ไม่เคยเกิดแมทช์ที่ว่านี้ขึ้น อย่างไรก็ดี จอร์จเขียนไว้ในหนังสือ The Complete Science of Wrestling (ตีพิมพ์ปี พ.ศ.2452) ว่า นักมวยปล้ำควรจะเรียนยูยิตสูเอาไว้ด้วย
บอกตรงๆ มันทำให้ผมนึกถึงรูปแบบกีฬาต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายหลัง นั่นคือ submission wrestling คือวิชามวยปล้ำที่ใส่ท่าซันมิสชั่นเข้าไปด้วย ซึ่งรูปแบบการเล่นแบบนี้ สำหรับผมมันก็คือ No-gi BJJ นั่นแหละ มันคือการสมรสกันระหว่างมวยปล้ำและยูยิตสู (หรือพูดให้เจาะจงคือวิชารัด-ล็อค ของยูโด) ที่แท้ทรู
เราคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์…
ทานิยังเคยไปท้า The Great Gama นักมวยปล้ำอินเดียผู้โด่งดังตอนที่มาเยือนลอนดอน ปี พ.ศ.2453 ด้วย แต่ The Great Gama เฉย
ภาพ The Great Gama พ.ศ.2459 มาพร้อมกับตะลุมพุก สัญลักษณ์แห่งความเป็นแชมป์มวยปล้ำ
The Great Gama นี่ เป็นสายพลังที่แท้ทรู สควอทห้าพันที วิดพื้นสามพันที กินเนื้อแกะ เนื้อไก่ อัลมอนด์ เนยใส นม ผลไม้ โอย พอแค่นี้ก่อน ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว
เรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ในตอนที่ มาเอดะ มิตสึโยะ มาที่อังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2449 มาเอดะก็ได้มาเป็นครูสอนยูยิตสูชั่วคราวที่โรงเรียนของทานิด้วย
ปี พ.ศ.2461 ทานิไปเป็นอาจารย์สอนยูยิตสูที่บูโดไคที่ลอนดอน ซึ่งก่อตั่งโดย โคอิซูมิ กุนจิ (小泉軍治 ผู้ชื่อตอนหลังถูกเรียกว่าเป็น “บิดาแห่งยูโดอังกฤษ”) ซึ่ง อีกสองปีต่อมา คือปี พ.ศ. 2463 ท่านปรมาจารย์ คาโน่ จิโกโร่ ได้มาเยี่ยมเยือนบูโดไคที่ลอนดอนนี้แหละ แล้วทั้งทานิและโคอิซูมิ จึงได้ “สายดำสองดั้ง” ของโคโคคันยูโด (ภายหลัง ทานิได้เลื่อนขั้นไปถึงสี่ดั้ง)
ส่วนโคอิซูมินั้น ได้ช่วยงานเรื่องการก่อตั้งสมาคมยูโดแห่งอังกฤษ ไปจนถึงการตั้งสมาพันธ์ยูโดยุโรป จนยศขั้นสุดท้ายได้เป็น “แปดดั้ง” ครับ
โคอิซูมิ กุนจิ (ที่มา alchetron)
ทานิป่วยเป็นสโตรกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 แต่ก็ยังสอนที่บูโดไค จนกระทั่งถึงแก่กรรมที่ลอนดอน เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2493 สิริอายุได้ 69 ปี
เรื่องแนะนำ :
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 6] ทานาเบะ มาตาเอมอน ผู้ซึ่งสี่จตุรเทพยังขยาด!
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 5] สี่จตุรเทพแห่งโคโดคัน
– ว่าด้วยคำว่า “อดทน” ในภาษาญี่ปุ่น กามัน (我慢) กับ นินไต (忍耐)
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 4] ยูยิตสูสำนักคิโตริว
– ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 3] เรื่องของ “จินเก็มปิน”
#ประวัติศาสตร์ของ “ยูยิตสู” ฉบับ Renzo Gracie [เชิงอรรถ 7] ทานิ ยูคิโอะ ผู้เอาวิชายูยิตสูไปเผยแพร่ถึงเกาะอังกฤษ