ทำใจอย่างไรเมื่อสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่มีวันกลับ
นี่ถือเป็นห้วงเวลาที่ยากลำบากทางใจมากสำหรับผมเนื่องจากเพิ่งสูญเสียคุณพ่อไป คุณพ่อเป็นแบบอย่างที่ดีมากในการดำรงชีวิต ท่านมักจะเห็นประโยชน์ของสมาชิกครอบครัวและเพื่อนร่วมงานสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตัว แม้ในยามที่ร่างกายเจ็บป่วย ท่านก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนปกติ บทความนี้ขอมอบเป็นเกียรติให้กับคุณพ่อ เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้กับตัวผู้เขียนเองให้ยืนหยัดต่อไปได้เช่นเดียวกับทุกท่านที่เคยเผชิญหรือกำลังเผชิญเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้
เคยสงสัยกันไหมครับว่า เวลาเราต้องเผชิญกับการสูญเสียคนที่รัก เรามีพิธีต่างจัดการกับความรู้สึกยังไง? สำหรับคนไทย การสวดอภิธรรมศพในประเทศไทยเป็นพิธีทางศาสนาที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ โดยส่วนใหญ่จะจัดในวัดหรือที่บ้าน ศพจะถูกตั้งในโลงตกแต่งด้วยผ้าขาวและดอกไม้ และมีการเชิญพระสงฆ์มาสวดอภิธรรม โดยพระสงฆ์จะสวดบทสวดธรรมะเพื่อส่งเสริมบุญกุศลและเตือนใจผู้ฟัง การสวดมักจัดในช่วงเย็น และในบางครั้งมีการแสดงธรรมเทศนาหลังสวดเสร็จ นอกจากนี้ ญาติพี่น้องมักจะทำบุญและถวายอาหารแด่พระสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศล การสวดอภิธรรมมักจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 3, 5, หรือ 7 คืน หลังจากนั้นจะมีพิธีเผาศพตามประเพณี และอาจมีการทำบุญเพิ่มเติมในช่วง 7 วัน, 50 วัน, และ 100 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ พิธีนี้เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสานศาสนาพุทธและประเพณีพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมบุญกุศลและเตือนสติผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงความไม่แน่นอนของชีวิต
วันนี้เรามาดูกันว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
พิธีกรรมและประเพณีเกี่ยวกับความตายในญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่น พิธีกรรมเกี่ยวกับความตายมีความสำคัญอย่างมากและมีรายละเอียดที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนถึงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตและการให้ความสำคัญกับการอำลาอย่างสมเกียรติ
- พิธีฌาปนกิจ (葬儀 – そうぎ – Sōgi): พิธีศพในญี่ปุ่นมักจัดขึ้นภายใน 3-4 วันหลังจากการเสียชีวิต โดยทั่วไปจะมีการฌาปนกิจศพ แม้ว่าในบางกรณีอาจมีการฝังศพ พิธีกรรมมักประกอบด้วยการสวดมนต์โดยพระสงฆ์ การไว้อาลัยโดยครอบครัวและเพื่อน และการถวายดอกไม้และธูปแก่ผู้เสียชีวิต
- การเก็บอัฐิ (骨拾い – こつひろい – Kotsubiroi): หลังจากการเผา สมาชิกในครอบครัวจะร่วมกันเก็บกระดูกของผู้เสียชีวิตด้วยตะเกียบพิเศษ และนำไปบรรจุในโกศ พิธีกรรมนี้เป็นการแสดงความรักและความเคารพครั้งสุดท้ายต่อผู้จากไป
- การไว้ทุกข์ (服喪 – ふくも – Fukumo): ระยะเวลาการไว้ทุกข์ในญี่ปุ่นมักจะอยู่ที่ 49 วัน โดยในช่วงนี้ครอบครัวจะงดกิจกรรมที่เป็นการรื่นเริงและสวมชุดสีดำหรือสีเข้ม
- การทำบุญครบรอบ (法事 – ほうじ – Hōji): หลังจากการเสียชีวิต จะมีการทำบุญในวันที่ 7, 49, 100 และครบรอบปีต่าง ๆ เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตและอุทิศส่วนกุศลให้
- แท่นบูชาบรรพบุรุษ (仏壇 – ぶつだん – Butsudan): ครอบครัวญี่ปุ่นมักมีแท่นบูชาบรรพบุรุษในบ้าน ซึ่งเป็นที่เก็บรูปถ่ายและอัฐิของผู้เสียชีวิต เป็นสถานที่สำหรับการระลึกถึงและสักการะผู้จากไป
วิธีการทางจิตใจในการรับมือกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากพิธีกรรมแล้ว คนญี่ปุ่นยังมีวิธีการทางจิตใจในการรับมือกับการสูญเสียที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและปรัชญาชีวิตของพวกเขา
- การยอมรับความไม่แน่นอนของชีวิต (無常観 – むじょうかん – Mujōkan): แนวคิดเรื่อง “มุโจคัง” หรือการตระหนักถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง เป็นหลักปรัชญาสำคัญในพุทธศาสนานิกายเซน ซึ่งช่วยให้คนญี่ปุ่นเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสียได้ดีขึ้น
- การระลึกถึงด้วยความกตัญญู (恩 – おん – On): คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แม้หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว การระลึกถึงสิ่งดี ๆ ที่ผู้เสียชีวิตได้ทำไว้ช่วยให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถเปลี่ยนความเศร้าโศกให้กลายเป็นความซาบซึ้งและความกตัญญูได้
- การดำรงชีวิตอย่างมีความหมาย (生き甲斐 – いきがい – Ikigai): แนวคิดเรื่อง “อิคิไก” หรือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ ช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถค้นหาความหมายและจุดมุ่งหมายใหม่ในชีวิตหลังจากการสูญเสีย การมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าช่วยในการเยียวยาจิตใจได้
- การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ (自然との調和 – しぜんとのちょうわ – Shizen to no chōwa): วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับธรรมชาติ การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เช่น การชมดอกซากุระบาน หรือการนั่งสมาธิในสวน สามารถช่วยบรรเทาความเศร้าโศกและนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ
- การรักษาความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต (先祖供養 – せんぞくよう – Senzo kuyō): ในญี่ปุ่น การเซ่นไหว้บรรพบุรุษเป็นประเพณีสำคัญ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าวิญญาณของผู้เสียชีวิตยังคงอยู่รอบ ๆ พวกเขา การพูดคุยกับภาพถ่ายของผู้เสียชีวิต หรือการถวายอาหารที่พวกเขาชอบที่แท่นบูชา เป็นวิธีการรักษาความสัมพันธ์และความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้จากไป
- การแบ่งปันความเศร้าโศกร่วมกัน (悲しみの共有 – かなしみのきょうゆう – Kanashimi no kyōyū): แม้ว่าคนญี่ปุ่นมักจะถูกมองว่าเก็บความรู้สึกไว้ภายใน แต่ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย การแบ่งปันความเศร้าโศกกับครอบครัวและเพื่อนสนิทเป็นสิ่งสำคัญ การรวมตัวกันในงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตช่วยสร้างความรู้สึกของการสนับสนุนและการเยียวยาร่วมกัน
- การฝึกสติและการทำสมาธิ (瞑想 – めいそう – Meisō): การฝึกสติและการทำสมาธิเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก การฝึกเหล่านี้ช่วยให้บุคคลสามารถจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรงและค้นพบความสงบภายในได้
- การทำกิจกรรมที่มีความหมาย (意味のある活動 – いみのあるかつどう – Imi no aru katsudō): หลายคนเลือกที่จะทุ่มเทให้กับงานอาสาสมัครหรือกิจกรรมที่มีความหมายเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิต เช่น การบริจาคเพื่อการกุศลที่ผู้เสียชีวิตสนับสนุน หรือการทำงานเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของพวกเขา
- การเรียนรู้จากประสบการณ์ (経験からの学び – けいけんからのまなび – Keiken kara no manabi): คนญี่ปุ่นมักมองการสูญเสียเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต การไตร่ตรองถึงชีวิตของผู้เสียชีวิตและบทเรียนที่พวกเขาทิ้งไว้สามารถนำไปสู่การพัฒนาตนเองและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้
บทสรุปการเยียวยาจิตใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น:
การรับมือกับการสูญเสียคนที่รักในวัฒนธรรมญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ ค่านิยม และปรัชญาชีวิตที่หยั่งรากลึกในสังคม กระบวนการเยียวยาจิตใจของคนญี่ปุ่นมีลักษณะเฉพาะดังนี้:
- การผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัย: แม้ว่าสังคมญี่ปุ่นจะมีความทันสมัย แต่พวกเขายังคงรักษาประเพณีและพิธีกรรมดั้งเดิมไว้ ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงและเชื่อมโยงกับรากเหง้าทางวัฒนธรรม
- การให้ความสำคัญกับความกตัญญู: แนวคิดเรื่อง “On” หรือความกตัญญูช่วยให้คนญี่ปุ่นมองการสูญเสียในแง่บวกมากขึ้น โดยมุ่งเน้นที่การระลึกถึงสิ่งดี ๆ ที่ผู้เสียชีวิตได้ทำไว้
- การยอมรับความไม่แน่นอนของชีวิต: ปรัชญา “Mujōkan” ช่วยให้คนญี่ปุ่นเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสียได้ดีขึ้น ทำให้สามารถปรับตัวกับความเศร้าโศกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์และเหตุผล: วัฒนธรรมญี่ปุ่นสนับสนุนการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม ผ่านพิธีกรรมและการระลึกถึง ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการใช้สติและการทำสมาธิเพื่อจัดการกับความรู้สึก
- การมองหาความหมายใหม่ในชีวิต: แนวคิดเรื่อง “Ikigai” หรือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ ช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถค้นหาจุดมุ่งหมายใหม่หลังจากการสูญเสีย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเยียวยา
- การรักษาความเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิต: ผ่านการเซ่นไหว้บรรพบุรุษและการใช้แท่นบูชาในบ้าน คนญี่ปุ่นสามารถรักษาความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้จากไป ซึ่งช่วยในการเยียวยาจิตใจ
- การใช้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยา: การเชื่อมโยงกับธรรมชาติช่วยให้คนญี่ปุ่นเข้าใจวัฏจักรของชีวิตและความตาย และช่วยในการบรรเทาความเศร้าโศก
- การสนับสนุนทางสังคม: แม้ว่าคนญี่ปุ่นอาจดูเหมือนเก็บตัว แต่ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย ครอบครัวและชุมชนมีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนทางอารมณ์
สุดท้ายนี้ การทำความเข้าใจวิธีการที่คนญี่ปุ่นรับมือกับการสูญเสียคนที่รักไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังสามารถให้มุมมองใหม่ ๆ ในการจัดการกับความเศร้าโศกสำหรับคนทั่วโลก แม้ว่าวัฒนธรรมและประเพณีอาจแตกต่างกัน แต่ความรักและการระลึกถึงผู้จากไปเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงมนุษยชาติเข้าด้วยกัน การเรียนรู้จากวิธีการของกันและกันสามารถช่วยให้เราทุกคนเติบโตและเยียวยาได้ดียิ่งขึ้นในยามที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียคนที่รักไปครับ
เรื่องแนะนำ :
– กิจวัตรประจำวันของนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
– ก้าวแรกสู่ประเทศญี่ปุ่น…นักเรียนทุนควรทำอะไรบ้าง?
– ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น…โอกาสทางการศึกษาที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
– Top 7 สุดยอดมหาวิทยาลัยแห่งประเทศญี่ปุ่น
– เซ็มมง กักโค: รูปแบบการเรียนที่เหมาะสมกับเด็กไทยในปัจจุบันและอนาคต
ขอขอบพระคุณรูปภาพ
https://makino-saiten.com/guide/nerima/
#ทำใจอย่างไรเมื่อสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่มีวันกลับ