บทความโดย : SuperBlack
จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้เกิดแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ในอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอในรถต้นแบบของตน แนวโน้มรถยนต์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเราลองไปติดตามดูกันครับ
เริ่มต้นที่เจ้าแห่งรถยนต์ขนาดเล็ก Daihatsu มีรถต้นแบบที่บรรจุเทคโนโลยีใหม่ๆอันน่าตื่นตาตื่นใจอยู่หลายรุ่นทีเดียว
Daihatsu FC ShowCASE
รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่ถูกออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ภายในได้อย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิง Hydrazine Hydrate (N2H4.H2O) ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Daihatsu Pico
รถยนต์ขนาดจิ๋วที่เน้นในด้านระบบความปลอดภัยเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่การจราจรพลุกพล่าน รถคันนี้มีฟังค์ชั่นที่น่าสนใจหลายอย่างทีเดียว
Pico สามารถสื่อสารกับรถคันอื่นได้ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยระบบดังกล่าวพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ Fujitsu Ten
เมื่อเข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง D จะมี 2 โหมดให้เลือก คือ Low Speed Mode และ Normal Mode
– Low Speed Mode ใช้เมื่อต้องขับขี่ในย่านที่มีคนเดินถนนพลุกพล่าน โดยรถจะถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 6 กม./ชม. พร้อมทั้งไฟรอบคันจะโชว์เป็นสีเขียว
– Normal Mode เป็นโหมดความเร็วปกติ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 50 กม./ชม.
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในขณะเข้าจอด Pico จะมีระบบที่คอยตรวจสอบและควบคุมอัตราเร่งหากพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะใกล้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเผลอหรือตั้งใจเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้รถพุ่งไปอย่างรวดเร็วได้
Pico มีระบบเรดาร์ตรวจจับและแจ้งเตือนด้วยแสงและเสียงเมื่อมีสิ่งกีดขวาง และจะทำการหยุดรถโดยอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน
เมื่อมีเหตุฉุกเฉินข้างหน้า จะมีระบบไฟกระพริบฉุกเฉินพร้อมแสดงข้อความเตือนรถที่ตามมาด้านหลังให้ระมัดระวัง
Daihatsu D-X
รถสปอร์ต 2 ที่นั่งขนาดกะทัดรัดที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้หลากหลาย ใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบ เทอร์โบชาร์จ ตัวถังเป็นเรซิ่นน้ำหนักเบา
Honda EV-STER
ต้นแบบสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนที่ล้อหลัง สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม.ที่ 5 วินาที แหล่งพลังงานเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 10 กิโลวัตต์ ตัวถังรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้รถมีน้ำหนักเบาและประหยัดพลังงาน
พวงมาลัยของรถคันนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนคันบังคับซึ่งฮอนด้าใช้ชื่อว่า Twin Lever Steering โดยที่ก้านทั้งสองจะทำหน้าที่เหมือนจอยสติ๊ก
Mazda Takeri
สิ่งที่น่าสนใจใน Mazda Takeri คือ เทคโนโลยี i-ELOOP (Intelligent Energy Loop) ระบบแปลงพลังงานจลน์จากการเบรคเป็นพลังงานไฟฟ้าและนำไปสะสมไว้ที่ตัวเก็บประจุ ซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่เก็บสะสมไว้นี้จะถูกนำไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในรถ เช่น เครื่องปรับอากาศ, ชุดเครื่องเสียงและอื่น ๆ ระบบนี้นับว่าเหมาะสมมากสำหรับรถที่ใช้งานในชีวิตประจำวันที่มีทั้งการเร่งและการเบรคบ่อยๆ มาสด้ากล่าวว่าเทคโนโลยี i-ELOOP นี้จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 10%
หัวใจสำคัญของระบบ i-ELOOP คือ ตัวเก็บประจุแบบพิเศษที่เรียกว่า EDLC (Electric Double Layer Capacitor) ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ สามารถเก็บประจุและคายประจุได้อย่างรวดเร็ว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ และทำให้ระบบ i-STOP สามารถหยุดเครื่องยนต์ระหว่างรถติดได้นานๆ โดยที่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังทำงานอยู่และไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมด
เทคโนโลยี i-ELOOP นี้เป็นหนึ่งใน SKYACTIV TECHNOLOGY ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยียุคใหม่ที่มาสด้าพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่จะออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป
Mitsubishi EMIRAI
EMIRAI คิอระบบควบคุมและแสดงผลภายในห้องโดยสารที่ทันสมัยที่สุดที่มิตซูบิชิตั้งใจจะนำมาใช้ในรถยนต์ที่จะออกจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้จริงใน 10 ปีข้างหน้า ระบบดังกล่าวใช้จอแสดงผลแบบโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้โค้งรับกับที่นั่งของผู้ขับขี่ สามารถแสดงข้อมูลต่างๆของรถ พร้อมทั้งยังมีกล้องอินฟราเรดและเซ็นเซอร์ที่จะตรวจวัดอุณหภูมิใบหน้าและอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ขับขี่ ระบบปุ่มควบคุมและสั่งงานเป็นระบบสัมผัสแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ทในปัจจุบัน นอกจากนี้ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังยังมีจอแสดงผลแบบสามมิติที่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องสวมแว่น
Nissan PIVO 3
ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่โดยมีระบบ Automated Valet Parking (AVP) สามารถนำรถเข้าที่จอดและชาร์จไฟได้เองโดยไม่ต้องมีคนขับ และวิ่งไปหาเจ้าของรถได้เมื่อถูกเรียกโดยสมาร์ทโฟน และเนื่องจากเป็นรถแบบ 3 ที่นั่งซึ่งมีความยาวไม่ถึง 3 เมตร ทำให้สามารถกลับรถบนถนนที่กว้างเพียง 4 เมตรได้อย่างสบาย
Nissan TOWNPOD
รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบให้สะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ใช้สอยภายในตัวรถ โดยสามารถเปิดโล่งได้ทั้งด้านข้างและด้านหลัง
Nissan ESFLOW
สปอร์ต 2 ที่นั่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี่แบบลามิเนตลิเธี่ยมไอออน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวขับเคลื่อนที่ล้อหลัง มีการจัดวางตำแหน่งของมอเตอร์ไว้ที่กึ่งกลางของตัวรถเพื่อความสมดุลย์และให้ประสิทธิภาพสูงสุด ทำความเร็ว 0 – 100 กม./ชม.ได้ในเวลา 5 วินาที และสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 240 กม.ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่ง
Toyota FCV-R
“FCV” ย่อมาจาก “Fuel Cell Vehicle” ส่วนตัว “R” ที่ต่อท้ายย่อมาจาก “Reality & Revolution” ยานยนต์ต้นแบบคันนี้ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงาน โตโยต้าวางแผนว่าจะสามารถพัฒนาจนผลิตออกจำหน่ายได้จริงภายในปี 2015
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของเทคโนโลยียานยนต์ที่เราอาจได้ใช้กันในอนาคต สิ่งที่เห็นได้ชัดคือผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยการเน้นพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงหรือจากพลังงานไฟฟ้า ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสะดวกสบายควบคู่กันไปด้วย เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้เราคงจะได้ใช้รถที่เรียกว่า “สมาร์ทคาร์” เช่นเดียวกับ “สมาร์ทโฟน” ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้