จาก “หลานม่า” แล้วมาย้อนดูธุรกิจจากบรรพบุรุษของครอบครัวชาวญี่ปุ่น
“หลานม่า” เป็นภาพยนตร์ที่ดัง ทำรายได้มหาศาล และให้แง่คิดตลอดจนมุมมองต่างๆ มากมาย
หนึ่งในคำถามสำคัญคือ
ทำไมเด็กรุ่นใหม่จึงไม่ค่อยสนใจสืบทอดธุรกิจจากบรรพบุรุษกัน?
แล้วเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นแล้วเป็นยังไง?
คำถามนี้น่าสนใจมากครับ
เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจครอบครัวในญี่ปุ่นสามารถคงอยู่ได้ยาวนานข้ามรุ่น
ขณะที่ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยมักเจอปัญหาในการสืบทอดและส่งต่อระหว่างรุ่น
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเด็นดังต่อไปนี้
1. **วัฒนธรรมการสืบทอดธุรกิจ**
– **ในญี่ปุ่น**: วัฒนธรรมของการสืบทอดธุรกิจในครอบครัวเน้นการส่งต่อให้คนที่มีความสามารถที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกแท้ๆ ของผู้ก่อตั้ง การรับบุตรบุญธรรม (adoption) หรือการนำบุคคลภายนอกที่มีความสามารถเข้ามาดูแลธุรกิจเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ซึ่งการรับบุตรบุญธรรมอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจสืบทอดต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องการแบ่งสมบัติระหว่างพี่น้อง
– **ในไทย**: วัฒนธรรมธุรกิจครอบครัวมักเน้นการส่งต่อมรดกให้ทายาทโดยตรง โดยไม่มีการคัดกรองคนที่มีความสามารถมากที่สุด ส่งผลให้เมื่อมีทายาทหลายคน ความขัดแย้งเรื่องการแบ่งสมบัติและการบริหารงานเกิดขึ้น และเมื่อคนในครอบครัวไม่มีความสามารถในการบริหารธุรกิจต่อ ก็อาจนำไปสู่การขายสินทรัพย์หรือการแบ่งทรัพย์สินแทนการพัฒนาธุรกิจต่อ
2. **ระบบกฎหมายและการจัดการมรดก**
– **ในญี่ปุ่น**: กฎหมายมรดกมีความซับซ้อนและมีระเบียบชัดเจนในการจัดการทรัพย์สิน การเลือกทายาทที่เหมาะสมจึงไม่ถูกจำกัดด้วยความขัดแย้งภายในครอบครัว อีกทั้งมีระบบการคัดเลือกผู้สืบทอดธุรกิจที่ยืดหยุ่นและเปิดโอกาสให้ครอบครัวหาคนที่มีความสามารถจริงๆ มารับช่วงต่อ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสายเลือด
– **ในไทย**: กฎหมายมรดกและการจัดการมรดกในครอบครัวมักสร้างปัญหาขึ้นในกรณีที่มีทายาทหลายคน ทำให้การแบ่งทรัพย์สินไม่เป็นระบบ รวมถึงการบริหารธุรกิจหลังจากผู้ก่อตั้งจากไปก็อาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างพี่น้องหรือทายาท
3. **ความเชื่อและวัฒนธรรมครอบครัว**
– **ในญี่ปุ่น**: วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ “ชื่อเสียง” และ “เกียรติภูมิ” ของครอบครัวอย่างมาก การสืบทอดธุรกิจที่อยู่มาหลายรุ่นถือเป็นการรักษาเกียรติของตระกูล การที่ลูกหลานไม่สามารถดูแลธุรกิจต่อได้หรือทำให้ธุรกิจล้มเหลวถือเป็นความอับอาย การส่งมอบธุรกิจให้คนที่มีความสามารถจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
– **ในไทย**: วัฒนธรรมครอบครัวมักให้ความสำคัญกับการแบ่งทรัพย์สินให้เท่าเทียมกันมากกว่าการรักษาธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การขายทรัพย์สินหรือกิจการเพื่อนำมาแบ่งกันในหมู่พี่น้องแทนที่จะเน้นการส่งต่อธุรกิจอย่างยั่งยืน
4. **ความมุ่งมั่นของทายาท**
– **ในญี่ปุ่น**: ทายาทที่สืบทอดธุรกิจมักถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าเป็นหน้าที่ในการดูแลธุรกิจของครอบครัว สิ่งนี้ทำให้พวกเขารับรู้ความรับผิดชอบในการสานต่อธุรกิจและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน
– **ในไทย**: ทายาทในหลายครอบครัวอาจไม่สนใจหรือไม่พร้อมที่จะสืบทอดธุรกิจ เมื่อไม่มีความมุ่งมั่นหรือความสามารถในการบริหาร ก็อาจนำไปสู่การขายทรัพย์สินหรือกิจการ
5. **สภาพเศรษฐกิจและความต้องการของครอบครัว**
– **ในญี่ปุ่น**: การที่ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้เป็นเวลาหลายร้อยปีส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงของตลาด ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้
– **ในไทย**: บางครั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ความต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะสั้นทำให้ครอบครัวตัดสินใจขายธุรกิจหรือสมบัติแทนที่จะสืบทอดต่อ
โดยสรุป:
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในการทำให้ธุรกิจครอบครัวในญี่ปุ่นสามารถอยู่ได้ยาวนานหลายร้อยปี ในขณะที่ธุรกิจครอบครัวในไทยมักพบปัญหาเรื่องการสืบทอดและการแบ่งสมบัติ
หากครอบครัวไทยสามารถนำแนวทางการเลือกผู้สืบทอดที่เหมาะสม และสร้างระบบการจัดการมรดกที่ชัดเจน การรักษาธุรกิจครอบครัวไว้ระยะยาวก็อาจเป็นไปได้มากขึ้นครับ
เรื่องแนะนำ :
– บริษัทและองค์กรต่างๆในประเทศญี่ปุ่น ใส่ใจเรื่อง SDGs มากขนาดไหน
– 10 การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่และอนิเมชั่นยอดนิยมของเด็กญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคโชวะ เฮย์เซ และเรย์วะ
– การฝึกฝนกีฬาสำหรับเด็กชาวญี่ปุ่น: มุมมองจากครอบครัวนักกีฬาและโค้ช
– ความยอดเยี่ยมของเด็กญี่ปุ่นด้านการเรียนด้านวิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์
– ทำใจอย่างไรเมื่อสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่มีวันกลับ
#จาก “หลานม่า” แล้วมาย้อนดูธุรกิจจากบรรพบุรุษของครอบครัวชาวญี่ปุ่น